วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

ลูกหม่อนผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์ มัลเบอรี่อบแห้ง






หม่อน ที่เราทราบกันดีว่าใบใช้เป็นอาหารหนอนไหม เพื่อให้หนอนไหมสร้างเส้นใยพันรอบตัวเองเป็นรังไหม ก่อนนำมาสาวเป็นเส้นไหมใช้ถักทอเป็นแพรพรรณอันล้ำค่า เหนือแพรพรรณที่ผลิตจากเส้นใยชนิดอื่น แต่หม่อนมิใช่พืชที่มีเพียงใบที่นำมาใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงไหมและนำมาผลิตชาใบหม่อน ที่มีสรรพคุณโดดเด่นในการลดน้ำตาลในเลือด เป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมากอยู่ในขณะนี้เท่านั้น


      ทุกส่วนของหม่อนสามรถนำไปใช้ประโยชน์ได้ อาทิ
·         รากหม่อน มีสรรพคุณในการขับปัสสาวะ ลดอาการขัดเบา ลด ความดันโลหิต แก้อาการไอที่มีเสมหะสีเหลือง
·         กิ่งและลำต้นหม่อน มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต แก้อาการปวดกล้ามเนื้อ และอาการหดเกร็งของแขนขา
·         ผลหม่อนเป็นส่วนประกอบในอดีตใช้เป็นเพียงพืชสมุนไพร แก้อาการวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย หูอื้อ ผมหงอกก่อนวัย คอแห้ง กระหายน้ำ ช่วยให้นอนหลับและช่วยระบายท้อง ด้วยการนำผลหม่อนมาผึ่งแดดให้แห้ง ต้มน้ำดื่ม 9 ถึง 15 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร

ปัจจุบันผลหม่อนมีประโยชน์และนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มและอาหารได้หลากหลายมากมายกว่าที่คิด จากการจุดประกายการวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากผลหม่อนของผมและคณะในขณะที่สังกัดสถาบันวิจัยหม่อนไหม กรมวิชาการเกษตร ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ สังกัดอยู่กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เช่นเดิม แต่ผลหม่อนผลไม้ขนาดจิ๋วก็ยังคงได้รับการวิจัยและพัฒนาการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นลูกไม้ที่ไม่ธรรมดา
ลูกหม่อนหรือผลหม่อน ฟังดูเหมือนไม่มีคุณค่าเท่าใด ถ้าพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “mulberry” (มัลเบอร์รี่) ฟังดูมีคุณค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นชาวไทยภูเขาภาคเหนือ เมื่อเก็บผลหม่อนที่ปลูกเป็นไม้ริมรั้วมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวหรือชาวไทยพื้นราบจึงเรียกว่า มัลเบอร์รี่บ้าง ราสเบอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่บ้าง แล้วแต่จะนึกได้ ขอให้ฟังดูดีขายได้ราคาก็เพียงพอแล้ว
ในต่างประเทศนิยมทำอาหารและเครื่องดื่มจากผลไม้จิ๋วกลุ่มเบอร์รี่มากอีกทั้งผลไม้เหล่านี้ยังมีราคาแพง ในรัฐแคลิฟอเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกามีราคาสูงถึง 800 – 1,200 บาทต่อกิโลกรัม อีกทั้งยังนิยมปลูกเป็นไม้บังลม (wind break) รอบสวนองุ่นและสวนผลไม้อื่นๆ เพื่อใช้สำหรับเป็นอาหารของนก ในเมืองบาคู (Baku) เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน จะพบต้นหม่อนอย่างดาดดื่น ทั้งในสวนสาธารณะ ถนนจากในเมืองถึงชนบท ในสวนผลไม้ที่ปลูกร่วมกับผลไม้อื่นๆ
ชาวอาเซอร์ไบจัน นิยมดื่มน้ำหวานจากผลหม่อน เรียก โดชาบ (Doshab) และบัคมาซ (bakmaz) ในประเทศจอร์เจียและอาร์เมเนีย นิยมนำมาทำวอดก้า ในออสเตรเลียโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกนิยมปลูกต้นหม่อนไว้ในสนามหลังบ้าน เป็นผลไม้ประจำบ้านและมีจำหน่ายในซูเปอร์มาเก็ตตามฤดูกาล ประเทศไทยชาวไทยภูเขาภาคเหนือในเขตจังหวัดเชียงใหม่ เชียงรายและแม่ฮ่องสอนปลูกเป็นผลไม้ริมรั้ว ก่อนการวิจัยและพัฒนาจนกลายมาเป็นเครื่องดื่มและอาหารในห้างสรรพสินค้าและโรงแรมชั้นหนึ่ง
ในช่วงที่ผ่านมาเราทราบกันดีว่าผลหม่อนนำมาผลิตเป็นไวน์ และน้ำผลไม้ในเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทเอกชนไม่กี่แห่ง แต่ด้วยสรรพคุณของผลหม่อนที่มีฤทธิ์ทางยารักษาโรคของมนุษย์ตามตำรับยาจีนและชาติต่างๆ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
องค์การเภสัชกรรมของอังกฤษได้นำผลหม่อนมาผลิตยาแผนปัจจุบันเป็นยาน้ำเชื่อม ช่วยขับเสมหะ เป็นยาระบายและใช้กลั้วคอ ลดการอักเสบลำคอ จากผลการวิจัยของสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ผลหม่อนและไวน์หม่อนที่ผลิตจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ มีสารประกอบเควอซิตินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
 ดังตารางการเปรียบเทียบปริมาณเควอซิตินในผลหม่อนชนิดต่างๆ และในไวน์หม่อน

ชนิดของหม่อน
ปริมาณเควอซิติน (มิลลิกรัม/100กรัม)
ผลหม่อนสุก (แห้ง)
17.63
ผลหม่อนห่าม (แห้ง)
10.13
ผลหม่อนสุก (สด)
3.42
ผลหม่อนห่าม (สด)
0.88
ไวน์หม่อน (ผลหม่อน : น้ำ )=
 1 : 3
1.32
   

 สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่

คุณวราพร แคล้วศึก  085-9083178



อีเมล     pannfit@gmail.com 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น