กลุ่มผักมีสี
เช่น บีทรูท ผักโขม แครอท
มะเขือเทศ ยิ่งมีสีเข้มมมากเท่าไหร่นั่นหมายถึงว่ามีสารที่มีประโยชน์
(phytochemical) มากขึ้นเท่านั้น
รงควัตถุเหล่านี้ได้แก่ ไบโอฟลาวินอยด์ 20,000
ชนิด และแคโรทีนอยด์ 800 ชนิด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายและยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์มะเร็ง
กลุ่มกะหล่ำ
เช่น กะหล่ำปลี บร็อคโคลี กะหล่ำดอก ในผักชนิดนี้จะมีสารต้านมะเร็ง สารที่ช่วยขจัดสารพิษ ตลอดจน อินดอล-3-คาร์บินอลและซัลโฟราเฟน
หัวหอม&กระเทียม – ประกอบด้วยไบโอฟลาวินอยด์หลายชนิดด้วยกัน หนึ่งในนั้นได้แก่ เคอร์ซิทิน
ซึ่งสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้ นอกจากนี้ยังมีสารต้านมะเร็งอื่นๆ
ได้แก่ อัลลิซิน , เอส-อัลลิล ซิสทีอิน, ซีลีเนียม และสารที่เรายังไม่รู้จักอีกมากมาย
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ที่เราจะรับประทานกระเทียมและหัวหอม
เป็นประจำ
2. ปลาน้ำเย็น เช่น แซลมอน คอท แมคเคอเรล ซาร์ดีน ทูน่าและปลาจากทะเลน้ำลึก ในปลา เหล่านี้จะอุดมไปด้วยไขมันที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้แก่ EPA (eicosapentaenoicacid) และ DHA ( docosahexaenoicacid)ซึ่งชะลอการแพร่ของมะเร็ง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
และยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆที่พบในน้ำทะเล แต่ไม่พบในดิน
3. ถั่ว เช่น
ถั่วเขียว ถั่วเหลือง
ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลิสง ในถั่วเหล่านี้พบว่ามีสารต้านโปรตีเอสในปริมาณสูง(มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง)
นอกจากนี้ยังพบว่ามีอินโนซิทอล เฮกซาฟอสเฟต(กรดไฟตริก ซึ่งในท้องตลาด
จะขายในรูปของ IP-6) และจีเนสเตอิน
(ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งตีบลง) นอกจากนี้ในถั่วยังอุดมไปด้วยกากใยที่สามารถละลายน้ำได้
ซึ่งจะช่วยในขบวนการทำความสะอาดของร่างกายตามธรรมชาติ
4. เมล็ดธัญพืช เช่นข้าว โอ๊ต บาร์เลย์ ข้าวโพด
ข้าวสาลี เนื่องจากเมื่อกากใยของพืชเหล่านี้แตกตัวที่ลำไส้จะเปลี่ยนเป็นกรดบิวไทริกที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
5. สาหร่ายทะเล จะประกอบด้วยสารบางชนิดที่ป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหาร และยังประกอบด้วยกากใยชนิดพิเศษที่สามารถละลายน้ำได้ซึ่งจะเป็นตัวกลางในการนำไขมันอันตราย
สารอนุมูลอิสระ สารพิษต่างๆออกจากลำไส้ นอกจากนี้สาหร่ายทะเลยังเป็นแหล่งของแร่ธาตุอย่างดีจากน้ำทะเล
6. เบอร์รี่ เช่น ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ เบอร์รี่สีดำ
เพราะในเบอร์รี่จะมีสารต้านมะเร็งในปริมาณสูง
และยังมีกรดอัลลาจิกที่จะทำลายเซลล์มะเร็งให้ตาย
7. โยเกิร์ต เนื่องจากในโยเกิร์ตจะมีแบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิลัส
ที่สามารถหมักนมให้เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน และเนื่องจากกว่า80% ของระบบภูมิคุ้มกันจะอยู่ที่ทางเดินอาหาร
ดังนั้นโยเกิร์ตจึงเป็นอาหารที่จัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร่างกายในการป้องการติดเชื้อและยังช่วยต้านมะเร็งอีกด้วย
8. ชาเขียว ประกอบด้วยคาเทชินและสารเคมีในพืชอีกหลายชนิดด้วยกัน
จากงานวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศญี่ปุ่นและจีน พบว่าชาเขียวสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งและยังสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้
หมายเหตุ การดื่มชาเขียวให้ได้รับประโยชน์เต็มที่นั้น
ต้องดื่มทันทีหลังจากชงเสร็จ เนื่องจากถ้าทิ้งไว้ชาเขียวจะทำปฎิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
ทำให้สูญเสีย คุณค่าไป
9. เครื่องเทศ -มาสตาร์ด พริก พริกไท กระเทียม หัวหอม ขิง โรสแมรี่ อบเชยและเครื่องเทศอื่นๆที่ใช้ปรุงแต่งรส สามารถต้านมะเร็งและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
10.น้ำสะอาด - เป็นเรื่องแปลกที่กว่า 2 ใน 3
ของพื้นที่บนโลกและของร่างกายนั้นประกอบด้วยน้ำ เนื่องจากน้ำนั้นเป็นเป็นสารตัวกลางสำคัญของร่างกายที่ใช้ในขบวนการต่างๆของเซลล์
อาทิเช่น ควบคุมสมดุลกรด-ด่าง การทำความสะอาด
การขจัดสิ่งสกปรก และยังนำพาสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์
ตลอดจนนำของเสีย หรือสารพิษออกจากเซลล์อีกด้วย
ถึงแม้ว่าอาหารหลากหลายชนิดจะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่มีอาหารเพียงไม่กี่อย่างที่จัดว่าเป็น อาหารชั้นเยี่ยม
ซึ่งได้แก่
กระเทียม เป็นเครื่องเทศกลิ่นแรงที่ใช้ประกอบอาหารกันมามากกว่า 5,000 ปี นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนประกอบในสูตรยาฆ่าเชื้ออีกด้วยหลุยส์
ปาสเตอร์พบว่า กระเทียมสามารถฆ่าเชื้อที่อยู่ในจานเพาะเชื้อได้และยังพบว่ากระเทียมจะกระตุ้นการทำงานของร่างกายในการป้องกันเซลล์มะเร็ง อับดุลลาห์
แพทย์ของมหาวิทยาลัยฟลอริดา พบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ที่กินกระเทียม
สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าเซล์เม็ดเลือดขาวของผู้ไม่กินกระเทียมถึง 139 % มีการทดลองพบว่าทั้งกระเทียมและหัวหอมสามารถลดการเกิดมะเร็งที่ผิวหนัง
และจากการให้หนูทดลองกินกระเทียม พบว่าในหนูที่มีแนวโน้มว่าทางพันธุกรรมว่าเป็นมะเร็งได้ง่าย
จะมีโอกาสเป็นมะเร็งลดลง
มะเร็งที่พบได้บ่อย คือมะเร็งกระเพาะอาหาร
ซึ่งนักวิจัยชาวจีน พบว่าการบริโภคกระเทียมและหัวหอมในปริมาณสูงๆ
สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่กระเพาะลงได้ครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้กระเทียมยังทำให้ตับสามารถทนต่อสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้มากขึ้นด้วย
และด้วยกลไกการออกฤทธิ์ของกระเทียมที่จะทำลายเฉพาะเซลล์มะเร็ง
แต่ไม่ทำลายเซลล์ปกติ ดังนั้นจึงสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย
แคโรทีนอย -ทั้งแคโรทีนอยและไบโอฟลาวินอยในพืช
จัดว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและยังกระตุ้นการทำงาของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
โดยที่หน้าที่หลักของแคโรทีนอย คือจะเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง แคโรทีนอยจะพบทั้งในผัก-ผลไม้สีเขียวและสีส้ม
ส่วนไบโอฟลาวินอยจะพบในพวกผลไม้รสเปรี้ยว ธัญพืช น้ำผึ้ง
พวกหัวกะหล่ำ -ได้แก่ บร็อคโคลี, กะหล่ำปลี,
กะหล่ำปลีbrussel, ดอกกะหล่ำซึ่งพืชเหล่านี้จะมีส่วนหัวอยู่ติดกับพื้นดิน เนื่องจากในพืชชนิดนี้จะมีสารอินโดลซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกิ้นส์ พบว่าในสัตว์ทดลองที่เลี้ยงด้วยพืชประเภทนี้เมื่อได้สารก่อมะเร็งชนิดอัลฟาทอกซินนั้นโอกาสเกิดมะเร็งลดลงถึง
90 %
เห็ด นักวิทยาศาสตร์พบว่าเห็ดไรชิ ,เห็ดชิตาเกะ ,เห็ดไมตาเกะ
มีสารต้านมะเร็งในปริมาณสูง มีการทดลองให้สัตว์กินสารสกัดจากเห็ดไมตาเกะ
พบว่า 40%ของสัตว์ทั้งหมดสามารถกำจัดมะเร็งได้หมดสิ้น
ส่วนอีกสัตว์อีก60%นั้นสามารถกำจัดมะเร็งได้ถึง
90% ในเห็ดไมตาเกะ
ประกอบด้วยโพลีแซคคาไลท์ ที่ชื่อว่า เบต้า-กลูแคน
ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและช่วยลดความดันเลือด
ถั่ว -
บรรดาเมล็ดพืชทั้งหลายที่มีเปลือก
จะมีสารโปรตีเอสอินฮิบิเตอร์ทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยเมล็ดเหล่านั้นได้โดยตรง
จาการค้นพบที่ผ่านมาพบว่าสารโปรตีเอสอินฮิบิเตอร์
สามารถยับยั้งการโตของเซลล์มะเร็งได้ สถาบันมะเร็งนานาชาติ
พบว่าในอาหารประเภทถั่วนั้นประกอบด้วยสารไอโซฟลาโวนและสารไฟโตเอสโตรเจนที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี
และจากงานวิจัยของDr. Ann Kennedy พบว่าในถั่วมีคุณสมบัติดังนี้
· ป้องกันการเกิดมะเร็งในสัตว์ที่ได้สารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
· ในงานวิจัยบางงานพบว่า สามารถทำให้เซลล์มะเร็งโตช้าลง
· ลดผลข้างเคียงของการใช้ยาและรังสีเพื่อการรักษามะเร็ง
· สามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้
นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่สามารถยับยั้งการแพร่
มะเร็งได้ อาทิเช่น แอปเปิ้ล
แอพริคอท บาร์เล่ย์ ผลไม้รสเปรี้
แครนเบอร์รี่ ปลา น้ำมันปลา ขิง โสม ชาเขียว
ผักโขม
สาหร่ายทะเล
1 กระปุก น้ำหนัก 50 กรัม ราคา 80 บาท
คุณวราพร แคล้วศึก 085-9083178
อีเมล pannfit@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น