ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่กำลังเป็นที่นิยมนำมาบริโภคมากในกลุ่มวัยรุ่น
และกลุ่มคนรักสุขภาพที่ต้องการบริโภคผลไม้ที่ให้ประโยชน์ต่อสมองและร่างกาย
ถ้ากล่าวถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่แล้วนั้น คงหนีไม่พ้นตระกูลเบอร์รี่จากต่างประเทศ
ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าหลายร้อยล้านบาทต่อปี แต่หากลองหันกลับมามองผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่เป็นของไทย
หลายๆ คนคงพอจะคิดออก นั่นคือ ”ผลหม่อน”
หรือ “มัลเบอร์รี่” ซึ่งพบว่า ผลหม่อนมีกรดโฟลิกสูงกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 1-2 เท่า
ไม่แพ้ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อื่นๆ เลย
“หม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี” (Mulberry) ภาคอีสานเรียกว่า “มอน” ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “ซิวเอียะ” เป็นพืชอาหารตามธรรมชาติชนิดเดียวของหนอนไหม
และเป็นหัวใจสำคัญของการประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
ปริมาณผลผลิตและคุณภาพรังไหมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับคุณภาพใบหม่อน
หม่อนเป็นพืชที่มีอายุนาน 80-100 ปี ถ้าไม่ได้รับความ
กระทบกระเทือน
จากการเก็บเกี่ยวหรือโรค แมลงศัตรู สามารถเจริญได้ดีตั้งแต่เขตอบอุ่นถึงเขตร้อน
หม่อนที่เกิดในเขตอากาศหนาว จะหยุดพักไม่เจริญเติบโต
นับตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูใบไม้ผลิ ผลหม่อนสามารถบประทานได้
หม่อนเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง
ใบเดี่ยวออกสลับ ดอกเป็นดอกช่อ ทรงกระบอก กลีบดอกสีขาวหม่น ผลเป็นช่อทรงกระบอก
“ผลหม่อน” หรือ ”Mulberry” การใช้ประโยชน์จากผลหม่อนนั้นหลากหลายมากมายไม่น้อยไปกว่าส่วนอื่น
ๆ ของต้นหม่อนเองเลย ผลหม่อนสุกให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีสรรพคุณใช้รักษาโรคไขข้อ
บำรุงหัวใจ บำรุงผมให้ ดกดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชีย
ชาวจีนเรียกผลหม่อนว่า sangshen ในหนังสือ modern Chinese Materia Medica ให้สมญานามผลหม่อนว่าเป็น Blood tonic นั่นย่อมแสดงถึง
ความสำคัญในด้านบำรุงเลือดตามคติความเชื่อของชาวจีนได้เป็นอย่างดี
แพทย์ชาวจีนในสมัยราชวงศ์หมิง ชื่อ เลี่ยงฮียัง ได้กล่าวถึงคุณประโยชน์
ของการรับประทานผลหม่อนสุกไว้ว่า
“ทำให้ตับไม่มีไฟ
หัวใจคลายความร้อนรุ่ม เส้นประสาทตาดี สายตาก็แจ่มใส ร่างกายก็สุขสบาย” ส่วนด้านของแพทย์แผนจีนนั้นแนะนำให้ใช้ผลหม่อนสุกในการรักษาสมดุลของพลังหยิน
ป้องกันผมหงอกก่อนวัย โดยใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ส่วนในทวีปยุโรป
ออสเตรเลียและอเมริกาเหนือ
นิยมปลูกต้นหม่อนไว้ตามสนามหญ้าหน้าบ้านหรือหลังบ้านเพียง 2-3 ต้น
เพราะนอกจากจะเป็นไม้ประดับแล้ว ยังให้ผลไว้รับประทานในครอบครัวอีกด้วย
กรมหม่อนไหมจึงได้ศึกษาวิจัย
ผลหม่อน หรือ มัลเบอร์รี่ ซึ่งพบว่า ผลหม่อนมีกรดโฟลิกสูงกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 1-2
เท่า และยังมีสารกลุ่มโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
มีประโยชน์ช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงเจริญเต็มที่เซลล์ประสาทไขสันหลังและเซลล์สมองเจริญเป็นปกติ
กระแสเลือดหมุนเวียนดี และหลอดเลือดแข็งแรง รวมถึงลดอาการแพ้ต่างๆ และช่วยยืดอายุเม็ดเลือดขาวอีกด้วย
ผลหม่อนสามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้หลายชนิด
เช่น น้ำหม่อนพร้อมดื่ม น้ำหม่อนสกัด น้ำหม่อนเข้มข้น แยมหม่อน และท้อปปิ้งหม่อน
ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตในเชิงพาณิชย์มากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหา
นอกจากนี้จากการทำวิจัยร่วมกับคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ผลหม่อนสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการทดลองกับกลุ่มอาสาสมัคร
สำหรับการดำเนินงานด้าน
การส่งเสริมเกษตรกร
กรมหม่อนไหมดำเนินการส่งเสริมการปลูกหม่อนแก่เกษตรกรทั้งการปลูกเพื่อจำหน่ายผลสด
รวมไปถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ประชาชนปลูกหม่อนเป็นผลไม้ประจำบ้าน
1 กระปุก น้ำหนัก 50 กรัม ราคา 80 บาท
คุณวราพร แคล้วศึก 085-9083178
อีเมล pannfit@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น